น้ำเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันต่อร่างกาย ในหนึ่งวันจึงควรดื่มน้ำเปล่าสะอาดอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน โดยดื่มทีละน้อยไม่ดื่มเร็วหรือมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการสำลักน้ำได้ ซึ่งการดื่มน้ำมากขึ้นยังช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักได้ด้วย

ดื่มน้ำมีประโยชน์ดีต่อร่างกายอย่างไร?

• เรื่องของผิว ช่วยให้สุขภาพผิวดูมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่งสดใส ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ เพราะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้าน เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและความสดชื่นให้แก่ร่างกาย สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับผิวหนัง
• ตา ทำให้ดวงตาของคุณดูสดใสมีชีวิตชีวา
• ภายในร่างกาย ทำให้การไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลในร่างกายให้ผ่อนคลายจิตใจแจ่มใส น้ำยังช่วยให้สมองทำงานได้ไวและดียิ่งขึ้น ช่วยลดการเกิดกลิ่นปากและช่วยย่อยอาหาร ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย ควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ ป้องกันเชื้อโรคต่างๆที่จะเข้าสู่ร่างกาย
• ชะลอความแก่ ทำให้เซลล์ต่างๆในร่างกายไม่ขาดน้ำและทำงานได้อย่างเป็นปกติ
• ลดน้ำหนัก น้ำมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักตัว โดยไปลดความอยากอาหารก่อนการรับประทานอาหาร จะช่วยให้ปริมาณไขมันในร่างกายลดลงได้
• ช่วยลดอาการปวดศีรษะและไมเกรน เพราะผู้ป่วยไมเกรนหากร่างกายขาดน้ำหรือได้รับไม่เพียงพอแล้ว อาการปวดหัวอาจจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

วีธีการดื่มน้ำให้มีผลดีต่อร่างกาย

1. ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน ต้องดื่มน้ำให้สัมพันธ์กับแต่ละช่วงเวลาด้วย เวลา 06.30-07.00 น. ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอนตอนเช้าทันที การดื่มน้ำในตอนนี้จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และยังช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
2. ช่วงสายๆ ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว เวลา 08.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว โดยดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารเช้า 1 ชม. ไม่ควรดื่มก่อนกินข้าวแบบทันที ถัดมา เวลา 09.00-11.00 น. ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ร่างกายเริ่มทำงานเต็มที่ในช่วงเวลานี้
3. ดื่มน้ำก่อนมื้อเที่ยง เวลา 12.00 น. เที่ยงวัน ให้ดื่มน้ำ 1/2 แก้ว ก่อนรับประทานอาหาร 1 ชม. หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
4. ช่วงบ่ายดื่มน้ำ 2-3 แก้ว เวลา 13.00-16.00 น. ดื่มน้ำ 2 แก้ว ไม่ต้องดื่มน้ำรวดเดียวทั้ง 2 แก้ว
5. ดื่มน้ำก่อนมื้อเย็น 1-2 แก้ว  เวลา 17.00-19.00 ช่วงเย็นควรแบ่งเวลาไปออกกำลังกาย และก่อนจะทานมื้อเย็น ให้ดื่มน้ำก่อนอาหาร 1 ชม. ในปริมาณ 1-2 แก้ว ถัดมาในช่วงหัวค่ำ เวลา 19.00-21.00 น. ให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว
6. ก่อนนอนดื่มน้ำ 1 แก้ว ในแต่ละวัน ควรเข้านอนเวลา 23.00 น. หรือไม่เกินเที่ยงคืน โดยก่อนจะนอน 1 ชม. ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว แต่ไม่ควรดื่มใกล้เวลานอนเกินไป เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะกลางดึก

ภาพ

น้ำเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันต่อร่างกาย ในหนึ่งวันจึงควรดื่มน้ำเปล่าสะอาดอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน โดยดื่มทีละน้อยไม่ดื่มเร็วหรือมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการสำลักน้ำได้ ซึ่งการดื่มน้ำมากขึ้นยังช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักได้ด้วย

ดื่มน้ำมีประโยชน์ดีต่อร่างกายอย่างไร?

• เรื่องของผิว ช่วยให้สุขภาพผิวดูมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่งสดใส ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ เพราะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้าน เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและความสดชื่นให้แก่ร่างกาย สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับผิวหนัง
• ตา ทำให้ดวงตาของคุณดูสดใสมีชีวิตชีวา
• ภายในร่างกาย ทำให้การไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลในร่างกายให้ผ่อนคลายจิตใจแจ่มใส น้ำยังช่วยให้สมองทำงานได้ไวและดียิ่งขึ้น ช่วยลดการเกิดกลิ่นปากและช่วยย่อยอาหาร ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย ควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ ป้องกันเชื้อโรคต่างๆที่จะเข้าสู่ร่างกาย
• ชะลอความแก่ ทำให้เซลล์ต่างๆในร่างกายไม่ขาดน้ำและทำงานได้อย่างเป็นปกติ
• ลดน้ำหนัก น้ำมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักตัว โดยไปลดความอยากอาหารก่อนการรับประทานอาหาร จะช่วยให้ปริมาณไขมันในร่างกายลดลงได้
• ช่วยลดอาการปวดศีรษะและไมเกรน เพราะผู้ป่วยไมเกรนหากร่างกายขาดน้ำหรือได้รับไม่เพียงพอแล้ว อาการปวดหัวอาจจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

วีธีการดื่มน้ำให้มีผลดีต่อร่างกาย

1. ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน ต้องดื่มน้ำให้สัมพันธ์กับแต่ละช่วงเวลาด้วย เวลา 06.30-07.00 น. ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอนตอนเช้าทันที การดื่มน้ำในตอนนี้จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และยังช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
2. ช่วงสายๆ ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว เวลา 08.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว โดยดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารเช้า 1 ชม. ไม่ควรดื่มก่อนกินข้าวแบบทันที ถัดมา เวลา 09.00-11.00 น. ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ร่างกายเริ่มทำงานเต็มที่ในช่วงเวลานี้
3. ดื่มน้ำก่อนมื้อเที่ยง เวลา 12.00 น. เที่ยงวัน ให้ดื่มน้ำ 1/2 แก้ว ก่อนรับประทานอาหาร 1 ชม. หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
4. ช่วงบ่ายดื่มน้ำ 2-3 แก้ว เวลา 13.00-16.00 น. ดื่มน้ำ 2 แก้ว ไม่ต้องดื่มน้ำรวดเดียวทั้ง 2 แก้ว
5. ดื่มน้ำก่อนมื้อเย็น 1-2 แก้ว  เวลา 17.00-19.00 ช่วงเย็นควรแบ่งเวลาไปออกกำลังกาย และก่อนจะทานมื้อเย็น ให้ดื่มน้ำก่อนอาหาร 1 ชม. ในปริมาณ 1-2 แก้ว ถัดมาในช่วงหัวค่ำ เวลา 19.00-21.00 น. ให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว
6. ก่อนนอนดื่มน้ำ 1 แก้ว ในแต่ละวัน ควรเข้านอนเวลา 23.00 น. หรือไม่เกินเที่ยงคืน โดยก่อนจะนอน 1 ชม. ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว แต่ไม่ควรดื่มใกล้เวลานอนเกินไป เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะกลางดึก