Home |
โรคเพลแลกรา (Pellagra) เป็นโรคที่เกิดจากการขาดวิตามิน B3 หรือ ไนอะซิน (Niacin) หรือขาดสารตั้งต้นของไนอะซินอย่างทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นไนอะซินได้ โรคนี้มีความสำคัญทางการแพทย์เนื่องจากมีผลกระทบต่อสุขภาพที่หลากหลาย ตั้งแต่ผิวหนังไปจนถึงระบบประสาทและทางเดินอาหาร
อาการของโรคเพลแลกรา
อาการของโรคเพลแลกรามักถูกเรียกว่า 4D ได้แก่
• Dermatitis (ผื่นผิวหนังอักเสบ) ผิวหนังที่โดนแสงแดดหรือโดนสัมผัสบ่อย ๆ จะมีอาการอักเสบ แดง คัน และลอก โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า แขน ขา และหลังมือ ผิวหนังอาจมีลักษณะเหมือนถูกไหม้หรืออาจมีลักษณะคล้ายกับผื่นที่เกิดจากการแพ้แสง
• Diarrhea (ท้องเสีย) ระบบทางเดินอาหารจะมีอาการผิดปกติ ทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ หรืออาเจียนและอาจมีการดูดซึมสารอาหารไม่ดี
• Dementia (สมองเสื่อม) อาการทางระบบประสาทมักจะเริ่มจากความจำเสื่อม สมองล้า ปวดศีรษะ สับสน และในบางกรณีอาจพัฒนาไปถึงภาวะสมองเสื่อมที่รุนแรง หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดอาการทางจิตใจเช่น ภาพหลอน (Hallucinations) หรือภาวะซึมเศร้า
• Death (เสียชีวิต) หากไม่ได้รับการรักษา โรคเพลแลกราอาจนำไปสู่การเสียชีวิตจากการขาดสารอาหารและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
สาเหตุของโรคเพลแลกรา
สาเหตุหลักของโรคเพลแลกราคือการขาดวิตามิน B3 (ไนอะซิน) ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ได้แก่
การขาดวิตามิน B3 จากอาหาร บางพื้นที่ที่ประชากรพึ่งพิงอาหารที่มีเนื้อหาของไนอะซินต่ำ เช่น ข้าวโพด ซึ่งมีไนอะซินอยู่ในรูปแบบที่ร่างกายย่อยและดูดซึมได้ยาก นอกจากนี้อาหารที่ขาดโปรตีน เช่น ทริปโตเฟน ยังทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างไนอะซินได้เพียงพอ
ความผิดปกติในการดูดซึม บางคนอาจมีปัญหาในการดูดซึมวิตามินจากอาหาร เช่น ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับลำไส้ เช่น โรคโครห์น (Crohn’s disease) หรือผู้ที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมไนอะซินได้อย่างเหมาะสม
ปัญหาทางการเผาผลาญ ในบางกรณี เช่น ผู้ที่มีโรคเรื้อรังหรือมะเร็ง ร่างกายอาจมีการเผาผลาญไนอะซินในอัตราที่สูงมากจนเกิดการขาดวิตามิน B3 ขึ้นได้
การรักษาโรคเพลแลกรา
การรักษาโรคเพลแลกราสามารถทำได้โดยการให้ไนอะซินเสริมในรูปแบบยาเม็ดหรือฉีด โดยขนาดยาที่แนะนำมักจะอยู่ระหว่าง 300 ถึง 500 มิลลิกรัมต่อวัน ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการขาดวิตามิน การรักษานี้มักจะทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การรักษาที่สำคัญนอกจากการเสริมไนอะซินคือการปรับปรุงโภชนาการ โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินสูง
อาหารที่มีวิตามิน B3
• เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อไก่ ปลา
• ถั่ว เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์
• ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต
• ผักใบเขียว เช่น ผักโขม
การป้องกันโรคเพลแลกรา
การป้องกันโรคเพลแลกราคือการบริโภคอาหารที่มีวิตามิน B3 อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีนสูง ซึ่งสามารถช่วยให้ร่างกายได้รับไนอะซินและทริปโตเฟนในปริมาณที่เหมาะสม การเสริมวิตามิน B3 ในผู้ที่เสี่ยง เช่น ผู้ที่มีปัญหาด้านการดูดซึมสารอาหาร หรือผู้ที่ดื่มสุรามากเกินไป ก็เป็นแนวทางในการป้องกันที่สำคัญ