นิ่ว (Kidney stones) หรือ Calculus เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของสารเคมีในร่างกายที่ก่อตัวเป็นก้อนแข็งภายในไตหรือทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้เกิดอาการปวดในบริเวณหลังและท้องอย่างรุนแรง อาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้คือ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะติดขัด ปัสสาวะบ่อยและมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน
พฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นนิ่ว
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป การดื่มน้ำไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักของการเกิดนิ่วในไต เมื่อร่างกายขาดน้ำเราก็จะปัสสาวะน้อยลง ทำให้แร่ธาตุและเกลือในปัสสาวะมีความเข้มข้นมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการตกผลึกและก่อตัวเป็นนิ่วได้ง่าย
- กินอาหารที่มีโซเดียมสูง การกินเกลือหรือโซเดียมมากเกินไปเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ โซเดียมที่เกินในร่างกายจะเพิ่มระดับแคลเซียมในปัสสาวะ ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดนิ่วได้ นอกจากนี้ อาหารที่มีโซเดียมสูงยังมักทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้นอีกด้วย
- กินโปรตีนจากสัตว์มากเกินไป การกินโปรตีนจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ และนมมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วชนิดกรดยูริก (Uric acid stones) โปรตีนจากสัตว์จะเพิ่มการขับออกของกรดยูริกในปัสสาวะและทำให้ปัสสาวะเป็นกรดมากขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการตกผลึกและก่อตัวของนิ่ว
- กินอาหารที่มีออกซาเลตสูง เช่น ช็อกโกแลต ถั่ว ผักโขม และบีทรูท อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วแคลเซียมออกซาเลต (Calcium oxalate stones) หากร่างกายได้รับออกซาเลตมากเกินไปและไม่ได้รับแคลเซียมเพียงพอ ก็จะเกิดการจับตัวกันในปัสสาวะและก่อตัวเป็นนิ่วได้
- ออกกำลังกายไม่เพียงพอ การขาดการออกกำลังกายอาจส่งผลให้แคลเซียมในกระดูกถูกขับออกมามากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การสะสมของแคลเซียมในไตและการก่อตัวของนิ่ว การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างกระดูกและส่งเสริมการขับถ่ายแคลเซียมอย่างเหมาะสม
วิธีป้องกันการเกิดนิ่ว
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำวันละประมาณ 2-3 ลิตร หรือประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยเจือจางสารแร่ธาตุในปัสสาวะและลดโอกาสการเกิดนิ่ว การสังเกตสีของปัสสาวะก็เป็นตัวชี้วัดที่ดี หากปัสสาวะใสแสดงว่าร่างกายได้รับน้ำเพียงพอแล้ว
- ลดการกินเกลือและโซเดียม หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารฟาสต์ฟู้ดและอาหารที่มีโซเดียมสูง ควรอ่านฉลากโภชนาการเพื่อควบคุมปริมาณเกลือในแต่ละวัน ควรกินโซเดียมไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน
- กินแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม แม้ว่าแคลเซียมจะเกี่ยวข้องกับนิ่วในไต การขาดแคลเซียมในอาหารก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานแคลเซียมจากอาหาร เช่น นม โยเกิร์ต และชีสอย่างพอเหมาะ สำหรับผู้ใหญ่ควรได้รับแคลเซียมประมาณ 1,000-1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
- ควบคุมปริมาณโปรตีนจากสัตว์ ควรจำกัดการกินโปรตีนจากสัตว์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเกิดนิ่ว เน้นการกินโปรตีนจากแหล่งพืช เช่น ถั่วเหลือง และพืชตระกูลถั่ว เพื่อทดแทนโปรตีนจากสัตว์บางส่วน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมและลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่ว ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อส่งเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายและลดความเสี่ยงของโรคลง